การทำบัญชี 2 ฝั่งออกมาได้ไม่เท่ากันในแบบระบบบัญชีคู่เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้บ่อย ๆ โดยหนึ่งในความผิดพลาดที่พบได้บ่อยคือการใส่เลข 0 เกินมา 1 ตำแหน่งซึ่งเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นกันบ่อย ๆ อีกทั้งในยุคปัจจุบันยังมีสาเหตุใหม่จากเหล่า Mechanical Keyboard (และไม่ใช่ Mechanical Keyboard) หน้าตาสุดเร้าใจมากมายในราคาสบายกระเป๋าที่เมื่อใช้ไปได้ไม่นาน Mechanical Switch กด 1 ได้ถึง 222
โชคดีที่มีวิธีอยู่มากมายในการตรวจสอบข้อผิดพลาดนอกจากหาทีละบรรทัด และหนึ่งในนั้นก็คือการหาตัวเลขที่ผิดด้วยการหาร 9 ซึ่งเป็นเทคนิคทางคณิตศาตร์ง่าย ๆ ในการตรวจสอบว่าอะไรทำให้บัญชีทั้ง 2 ด้านไม่เท่ากัน โดยเฉพาะกับการตรวจสอบข้อผิดพลาดบัญชีคู่ (Double-Entry Accounting)
วิธีตรวจสอบด้วยการหาร 9 📝
- เริ่มจากหาเลขผลต่างระหว่างทั้ง 2 ด้านของบัญชีที่ไม่เท่ากัน
- จากนั้นนำผลต่างหารด้วย 9
- นำค่าที่หาได้ไปเปรียบเทียบหารายการดังกล่าว
- ถ้าหากว่าพบ นั่นหมายความว่ารายการดังกล่าวคือรายการที่ใส่ 0 เกินมา
- ถ้าหากว่าไม่พบ นั่นหมายความว่าสาเหตุที่ผิดพลาดจนทำให้บัญชีทั้ง 2 ด้านไม่เท่ากันไม่ได้มาจากการใส่เลข 0 เกิน
สมมติว่านี่คือรายการบัญชีทั้งหมด
สินทรัพย์ | หนี้สิน |
---|---|
เงินสด 20,000 บาท | เจ้าหนี้การค้า 86,400 บาท |
ลูกหนี้ 10,000 บาท | เงินกู้ 1,000 บาท |
สินค้าคงคลัง 86,400 บาท | ส่วนของเจ้าของ 20,000 บาท |
รวม 116,400 บาท | รวม 107,400 บาท |
จากตัวอย่างจะเห็นว่าเมื่อรวมออกมาทั้ง 2 ด้านของสมการบัญชีที่ควรจะมีค่าเท่ากัน แตกต่างกันอยู่ 116,400 - 107,400 = 9,000 บาท แต่ไม่มีรายการใดเลยที่เป็น 9,000 ดังนั้นจึงอาจไม่ใช่การลืมใส่รายการ 9,000 บาทในด้านขวา
เมื่อนำผลต่าง 9,000 หารด้วย 9 จะพบว่าได้เท่ากับ 1,000
ดังนั้น รายการที่เท่ากับ 1,000 ที่เติม 0 เพิ่มมา 1 ตัว หรือ รายการ 10,000 บาท ในฝั่งตรงข้ามของ 1,000 จึงเป็นรายการที่ลงบัญชีผิด (ซึ่งการหารรายการที่ผิดจะยิ่งเห็นได้ชัดเจนในการทำบัญชีคู่ ว่าคู่ดังกล่าวมีการบันทึกบัญชีผิด)
ทำไมต้องหาร 9 🧐
เหตุผลที่ต้องหาร 9 เพื่อตรวจสอบ เพราะการใส่ 0 ผิดไป 1 ตัว หมายความว่าทำให้เลขที่ผิดแตกต่างไปจากตัวเลขจริงตามปกติ 9 เท่า (10 - 1 เท่า)
ตัวอย่างเช่น ถ้าซื้อสินค้าบางอย่างมาในราคา 2,000 บาท แต่ลงบัญชีผิดเป็น 20,000 บาท
ไม่ว่าสินค้าจะเป็นอะไร เราจะเห็นว่า 2 พัน กับ 2 หมื่นแตกต่างกันอยู่ 10 เท่า
แต่เราจะตัดออกไปทั้งหมด 20,000 บาท ไม่ได้ เพราะเราได้ซื้อสินค้ามาจริง ๆ (เราถึงได้พลาดใส่เลข 20,000 ลงไป) ดังนั้นแล้วใน 20,000 บาท ที่บันทึกบัญชีผิดไปจะมีค่าสินค้าจริง ๆ อยู่ด้วย 2,000 บาท
และเมื่อ 2 หมื่นคือ 10 เท่าของ 2 พัน นั่นหมายความว่า ค่าสินค้า 2,000 บาท คือ 1 ใน 10 ส่วนของ 20,000 บาท
ดังนั้น เมื่อเราหักค่าสินค้าที่เกิดขึ้นจริงออกไปจากมูลค่าที่ผิดก็จะเหลือตัวเลขที่ผิดอยู่อีก 9 ใน 10 ส่วน หรือจากตัวอย่างคือ ในบัญชีนี้มีตัวเลขที่ผิดหรือไม่มีอยู่จริงอีก 18,000 บาท (20000 - 2000)
หรืออธิบายให้ง่ายกว่านั้นคือ ส่วนที่ผิดไปจากการใส่ 0 เกิน จะเป็น 9 เท่าของจำนวนดั้งเดิมนั่นเอง
ด้วยเหตุนี้ เพื่อการหาตัวเลขต้นทางที่ผิดเราจึงต้องใช้วิธีการหาร 9 ตามที่ได้อธิบายวิธีการไปในหัวข้อด้านบน เพื่อหาว่า 1 ส่วนก่อนจะเติม 0 เกินคือเท่าไหร่
ซึ่งด้วยวิธีเดียวกันนี้ก็ใช้กับการหาเลขชุดเดียวกันที่สลับหลักกันได้เช่นกัน เพราะเมื่อนำเลขชุดเดียวกันสลับหลักกันมาลบกัน แล้วนำผลลัพธ์หาร 9 ก็จะสามารถหารได้ลงตัว เช่น 765 - 567 = 198 และ 411 - 114 = 297
ข้อจำกัด ⚠️
เมื่อเข้าใจวิธีและที่มาที่ไปแล้ว จะเห็นว่าการหาร 9 เพื่อหารายการบัญชีที่ผิดมีข้อจำกัดที่สำคัญ คือ การที่ใช้หาได้ต่อเมื่อเป็นกรณีที่ใส่ 0 เกิน (หรือสลับหลัก) เท่านั้น
แต่อย่างไรก็ตาม วิธีนี้ก็ยังคงทำให้รู้ในเบื้องต้นได้ว่าที่ตัวเลขผิดไปเริ่มจากจุดนี้หรือไม่