Logo Piases
บัญชี 2 ด้านที่ไม่เท่ากัน ตรวจได้ด้วยการหาร 9

บัญชี 2 ด้านที่ไม่เท่ากัน ตรวจได้ด้วยการหาร 9

March 3, 2025
2 min read
Table of Contents

การทำบัญชี 2 ฝั่งออกมาได้ไม่เท่ากันในแบบระบบบัญชีคู่เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้บ่อย ๆ โดยหนึ่งในความผิดพลาดที่พบได้บ่อยคือการใส่เลข 0 เกินมา 1 ตำแหน่งซึ่งเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นกันบ่อย ๆ อีกทั้งในยุคปัจจุบันยังมีสาเหตุใหม่จากเหล่า Mechanical Keyboard (และไม่ใช่ Mechanical Keyboard) หน้าตาสุดเร้าใจมากมายในราคาสบายกระเป๋าที่เมื่อใช้ไปได้ไม่นาน Mechanical Switch กด 1 ได้ถึง 222

โชคดีที่มีวิธีอยู่มากมายในการตรวจสอบข้อผิดพลาดนอกจากหาทีละบรรทัด และหนึ่งในนั้นก็คือการหาตัวเลขที่ผิดด้วยการหาร 9 ซึ่งเป็นเทคนิคทางคณิตศาตร์ง่าย ๆ ในการตรวจสอบว่าอะไรทำให้บัญชีทั้ง 2 ด้านไม่เท่ากัน โดยเฉพาะกับการตรวจสอบข้อผิดพลาดบัญชีคู่ (Double-Entry Accounting)

วิธีตรวจสอบด้วยการหาร 9 📝

  • เริ่มจากหาเลขผลต่างระหว่างทั้ง 2 ด้านของบัญชีที่ไม่เท่ากัน
  • จากนั้นนำผลต่างหารด้วย 9
  • นำค่าที่หาได้ไปเปรียบเทียบหารายการดังกล่าว
  • ถ้าหากว่าพบ นั่นหมายความว่ารายการดังกล่าวคือรายการที่ใส่ 0 เกินมา
  • ถ้าหากว่าไม่พบ นั่นหมายความว่าสาเหตุที่ผิดพลาดจนทำให้บัญชีทั้ง 2 ด้านไม่เท่ากันไม่ได้มาจากการใส่เลข 0 เกิน

สมมติว่านี่คือรายการบัญชีทั้งหมด

สินทรัพย์หนี้สิน
เงินสด 20,000 บาทเจ้าหนี้การค้า 86,400 บาท
ลูกหนี้ 10,000 บาทเงินกู้ 1,000 บาท
สินค้าคงคลัง 86,400 บาทส่วนของเจ้าของ 20,000 บาท
รวม 116,400 บาทรวม 107,400 บาท

จากตัวอย่างจะเห็นว่าเมื่อรวมออกมาทั้ง 2 ด้านของสมการบัญชีที่ควรจะมีค่าเท่ากัน แตกต่างกันอยู่ 116,400 - 107,400 = 9,000 บาท แต่ไม่มีรายการใดเลยที่เป็น 9,000 ดังนั้นจึงอาจไม่ใช่การลืมใส่รายการ 9,000 บาทในด้านขวา

เมื่อนำผลต่าง 9,000 หารด้วย 9 จะพบว่าได้เท่ากับ 1,000

ดังนั้น รายการที่เท่ากับ 1,000 ที่เติม 0 เพิ่มมา 1 ตัว หรือ รายการ 10,000 บาท ในฝั่งตรงข้ามของ 1,000 จึงเป็นรายการที่ลงบัญชีผิด (ซึ่งการหารรายการที่ผิดจะยิ่งเห็นได้ชัดเจนในการทำบัญชีคู่ ว่าคู่ดังกล่าวมีการบันทึกบัญชีผิด)

ทำไมต้องหาร 9 🧐

เหตุผลที่ต้องหาร 9 เพื่อตรวจสอบ เพราะการใส่ 0 ผิดไป 1 ตัว หมายความว่าทำให้เลขที่ผิดแตกต่างไปจากตัวเลขจริงตามปกติ 9 เท่า (10 - 1 เท่า)

ตัวอย่างเช่น ถ้าซื้อสินค้าบางอย่างมาในราคา 2,000 บาท แต่ลงบัญชีผิดเป็น 20,000 บาท
ไม่ว่าสินค้าจะเป็นอะไร เราจะเห็นว่า 2 พัน กับ 2 หมื่นแตกต่างกันอยู่ 10 เท่า

แต่เราจะตัดออกไปทั้งหมด 20,000 บาท ไม่ได้ เพราะเราได้ซื้อสินค้ามาจริง ๆ (เราถึงได้พลาดใส่เลข 20,000 ลงไป) ดังนั้นแล้วใน 20,000 บาท ที่บันทึกบัญชีผิดไปจะมีค่าสินค้าจริง ๆ อยู่ด้วย 2,000 บาท

และเมื่อ 2 หมื่นคือ 10 เท่าของ 2 พัน นั่นหมายความว่า ค่าสินค้า 2,000 บาท คือ 1 ใน 10 ส่วนของ 20,000 บาท

ดังนั้น เมื่อเราหักค่าสินค้าที่เกิดขึ้นจริงออกไปจากมูลค่าที่ผิดก็จะเหลือตัวเลขที่ผิดอยู่อีก 9 ใน 10 ส่วน หรือจากตัวอย่างคือ ในบัญชีนี้มีตัวเลขที่ผิดหรือไม่มีอยู่จริงอีก 18,000 บาท (20000 - 2000)

หรืออธิบายให้ง่ายกว่านั้นคือ ส่วนที่ผิดไปจากการใส่ 0 เกิน จะเป็น 9 เท่าของจำนวนดั้งเดิมนั่นเอง

ด้วยเหตุนี้ เพื่อการหาตัวเลขต้นทางที่ผิดเราจึงต้องใช้วิธีการหาร 9 ตามที่ได้อธิบายวิธีการไปในหัวข้อด้านบน เพื่อหาว่า 1 ส่วนก่อนจะเติม 0 เกินคือเท่าไหร่

ซึ่งด้วยวิธีเดียวกันนี้ก็ใช้กับการหาเลขชุดเดียวกันที่สลับหลักกันได้เช่นกัน เพราะเมื่อนำเลขชุดเดียวกันสลับหลักกันมาลบกัน แล้วนำผลลัพธ์หาร 9 ก็จะสามารถหารได้ลงตัว เช่น 765 - 567 = 198 และ 411 - 114 = 297

ข้อจำกัด ⚠️

เมื่อเข้าใจวิธีและที่มาที่ไปแล้ว จะเห็นว่าการหาร 9 เพื่อหารายการบัญชีที่ผิดมีข้อจำกัดที่สำคัญ คือ การที่ใช้หาได้ต่อเมื่อเป็นกรณีที่ใส่ 0 เกิน (หรือสลับหลัก) เท่านั้น

แต่อย่างไรก็ตาม วิธีนี้ก็ยังคงทำให้รู้ในเบื้องต้นได้ว่าที่ตัวเลขผิดไปเริ่มจากจุดนี้หรือไม่