จุดเริ่มต้นของการสร้างเว็บไซต์

จุดเริ่มต้น 🎉

สุดท้ายแล้วจึงเกิดเป็นเว็บไซต์ Blogspot ที่ชื่อขึ้นต้นด้วย D ขึ้นมา ในปีประมาณ 2009 ±1 (จำปีที่แน่ชัดไม่ได้) แต่ที่พอจะจำได้คือเป็นช่วงปลายของเกม World of Warcraft: Wrath of the Lich King ใกล้กับช่วงที่ World of Warcraft: Cataclysm จะออกมา เพราะร้านเกมมีเกม World of Warcraft

ส่วนเหตุผลที่ตัวเลือกจบที่ Blogspot เนื่องจากสะดวกและฟรีตลอดไป ซึ่งเว็บไซต์ที่ว่าไม่ได้จดโดเมนเสียด้วยซ้ำ

เวลาผ่านไปไม่นานมากนัก เว็บไซต์ Blogspot ดังกล่าวมี Traffic ต่อวันมากขึ้นเรื่อย ๆ จากสิบเป็นร้อย และกระโดดจากร้อยเป็นหลักพันต่อวันอย่างรวดเร็ว ตั้งแต่ก่อนปี 2010 ส่วนเหตุผลเดาว่าเพราะมีการเขียนอธิบายการตั้งค่าในแต่ละส่วนบวกกับในสมัยนั้น Google ให้อันดับเว็บไซต์ที่ทำจาก Blogspot ดีพอสมควร ในขณะที่คู่แข่งแทบจะไม่มีในขณะนั้น

การเติบโตดังกล่าว ทำให้ตัดสินใจลองพยายามทำเว็บไซต์ดังกล่าวให้เป็นเรื่องเป็นราวมากขึ้น โดยเริ่มจากการแปล Changelogs ที่บอกรายละเอียดการอัปเดตของแผนที่ DotA ในแต่ละเวอร์ชั่นที่มักจะมีการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ หลายร้อยรายการ แต่ก็เพื่อใช้สำหรับอ่านเองและใช้ทำความเข้าใจการเปลี่ยนแปลงของเกมในแต่ละเวอร์ชั่น

แน่นอนว่าการแปล Changelogs เป็นภาษาไทยลงเว็บ ยิ่งทำให้ Traffic ของเว็บไซต์เพิ่มขึ้นแบบทวีคูณ และยิ่งทวีคูณขึ้นอีกครั้งเมื่อนำไปแชร์ไว้ที่เว็บบอร์ดชื่อดัง จนมีผู้ใช้งานขั้นต่ำต่อวันมากกว่า 1,500 คนต่อวัน และยอดวิวไปถึงมากกว่า 3,000 ครั้งต่อวัน ในช่วงปี 2010 ซึ่งถือว่าเป็นตัวเลขที่ไม่น้อยแม้แต่กับเว็บไซต์เฉพาะทางในปัจจุบัน

ยุคทองของ Google AdSense 💸

แม้ว่าเว็บไซต์จะเปิดมาตั้งแต่ก่อนปี 2010 แต่กว่าที่เราจะสามารถเปิดบัญชี Google AdSense สำหรับการสร้างรายได้จากโฆษณาได้สำเร็จก็ผ่านไปถึงช่วงกลางปี 2010 ซึ่งโชคดีที่ในช่วงเวลาดังกล่าวเรียกได้ว่าเป็นช่วงปลายของยุคทองของ Google AdSense ที่ยังคงสามารถสร้างรายได้ได้ค่อนข้างสูง (แม้ว่าจะนำตัวเลขไปเทียบกับเงินเดือนและค่าครองชีพในสมัยนี้)

ในอีกแง่หนึ่งก็ถือว่าพลาดช่วงเวลาก่อนมีบัญชี AdSense ไปพอสมควรเช่นกัน

เมื่อเงินมากขึ้น แรงจูงใจจึงมากขึ้นตาม เว็บไซต์จึงถูกต่อยอดไปยังการนำเสนอข่าวสารเกี่ยวกับเกมดังกล่าว การแข่งขัน รวมถึง Tips ต่าง ๆ ตามลำดับ (ไม่ต่างจากช่อง YouTube เกี่ยวกับเกมที่พบเห็นได้ในปัจจุบัน) ซึ่งเป็นเนื้อหาทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ

ด้วยบทความที่มากขึ้น บวกกับมี Traffic จากทั้งในและนอกประเทศ จำนวนผู้ชมเว็บไซต์ (Users) จึงเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วตั้งแต่ประมาณปี 2012 เป็นต้นมา โดยขั้นต่ำที่สุดของ Users ต่อวันอยู่ที่มากกว่า 3,000 คนต่อวัน (ถ้าหากมองแบบเฉลี่ยให้ที่ประมาณ 5,000 users ต่อวัน) และจุดพีคที่บางครั้งเพิ่มไปได้ถึง 1x,xxx คนต่อวันหากมีการอัปเดตใหม่หรือข่าวใหญ่

จำนวนการเข้าชมที่มากขึ้นจึงมาพร้อมกับรายได้จาก AdSense ที่มากขึ้นเรื่อย ๆ อีกทั้งยังมีรายได้จากช่องทางอื่น ไม่ว่าจะเป็น การขอซื้อลิงก์, การขอลงบทความ, หรือแม้แต่การซื้อ Banner โฆษณาโดยตรง และเมื่อยิ่งรายได้มากขึ้น แรงจูงใจในการทำต่อไปจึงยิ่งมากขึ้นอีกแบบทวีคูณ ทั้งในแง่ของการเขียนบทความและการทำให้เว็บไซต์ติดอันดับ Google จากการทดลอง A/B Testing ซ้ำ ๆ ซึ่งทำให้ได้เรียนรู้เทคนิคการทำ SEO หลายอย่างโดยที่ไม่รู้จักคำว่า SEO เสียด้วยซ้ำ

แต่นอกเหนือจากเงิน การสร้างเว็บไซต์ การเขียนบทความ และ SEO สิ่งที่เว็บไซต์นี้ทำให้ได้เห็นชัดเจน คือ การทำอะไรที่สนใจช่วยให้ทำได้นานขึ้นจริง (ช่วงต้นปี 2014 เปิดอีกเว็บไซต์ขึ้นมาแต่เบื่อเสียก่อน จนเลิกทำไปอย่างรวดเร็ว) และการทำอย่างต่อเนื่องช่วยเปิดรับโอกาสได้มากมายกว่าที่คิด แบบที่สมัยนี้เรียกกันแบบสุดเท่ว่า “Consistency is the Key”

งานเลี้ยงมีวันเลิกราเสมอ 😔

เมื่อ Google เข้ามาทำธุรกิจเกี่ยวกับ AdSense จริงจังในประเทศไทย (ถ้าจำไม่ผิดคือประมาณช่วงที่ YouTube เปิดตัวบริษัทในประเทศไทยเป็นครั้งแรกในปี 2014) สิ่งที่ตามมาเราขอเรียกว่า “โฆษณาราคาไทย” ที่ทำให้รายได้ต่อการที่ผู้ใช้กดโฆษณาในเว็บไซต์ 1 ครั้ง (Cost-per-click : CPC) ลดลงไปมากกว่า 10 เท่า จากคลิกละประมาณ 2 USD เหลือ 0.2 USD และมากกว่านั้นในเว็บไซต์ที่มีเนื้อหาอยู่ในอุตสาหกรรมที่ค่าคลิกสูงกว่านั้น

เพราะโฆษณาคือต้นทุนของสินค้า ส่วนราคาของสินค้าแตกต่างกันไปตามค่าครองชีพในแต่ละประเทศ และยิ่งราคาสินค้าต่ำสัดส่วนที่จะลงไปกับโฆษณาก็จะยิ่งต่ำลงตาม

เพียงแต่ในอดีตไม่มีสิ่งที่เราเรียกว่า “โฆษณาราคาไทย” ที่อ้างอิงตามเงื่อนไขดังกล่าว อีกทั้งโฆษณาจากผู้ลงโฆษณาไทยขณะนั้นยังมีอยู่น้อยรายทำให้มีการดึงโฆษณาต่างชาติมาแสดงอยู่บ่อยครั้ง ทั้งหมดจึงทำให้ก่อนหน้านั้นจึงเรียกได้ว่าเป็นยุครุ่งเรื่องของการหาเงินจาก AdSense เพราะค่าคลิกโฆษณาเป็นเรทราคาต่างประเทศที่ค่าครองชีพสูงกว่า

ทั้งนี้ ภายหลังก็ได้รับรู้ว่าฝั่ง YouTube เองก็ไม่ต่างกัน หลังจากที่ได้เห็นคุณ Kan Atthakorn (หรือช่อง KNN ในสมัยก่อน) พูดถึงอยู่ (แต่จำไม่ได้ว่าที่ไหน) แต่ครั้งล่าสุดกล่าวถึงแบบเฉียด ๆ อยู่ใน Live ผมเก็บเวลในอาชีพยูทูปเบอร์ยังไง ตั้งแต่ Lv.0-99

ด้วยเหตุนี้ตั้งแต่ปลายปี 2014 เป็นต้นมา จึงตัดสินใจลด Exposure ในการทำเว็บไซต์ดังกล่าวลงแทบจะทันที เพื่อหาความสนุกกับการทำธุรกิจกับพาร์ทเนอร์ท่านหนึ่งมากขึ้น แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังวนเวียนอยู่กับการสร้างเว็บไซต์อยู่บ้าง เพียงแต่เป็น Blog ที่ไม่ได้เขียนจริงจังและลองสร้างจาก WordPress เพื่อบันทึกสิ่งที่ต้องทำบ่อย ๆ คล้ายกับบทความนี้ที่มีไว้เป็น Guide สำหรับการติดตั้งฟอนต์ไทยใน World of Warcraft เมื่อกลับมาเล่นในแต่ละครั้ง

และนี่ก็คือเรื่องราวที่เป็นจุดเริ่มต้นในการสร้างเว็บไซต์ เขียนบทความ และ SEO (รวมถึงการลงทุน ธุรกิจ และจุดเริ่มต้นของอะไรอีกหลาย ๆ อย่างที่จะเขียนต่อในบทความต่อ ๆ ไป)